๑๑. การติดตามนิเทศโครงการ
ต้องมีการวางแผนการติดตามนิเทศโครงการตั้งแต่ระยะเริ่มต้นโครงการ
ระหว่างการดำเนินงาน และระยะสิ้นสุดการดำเนินงาน
โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของชุมชนกลุ่มเป้าหมายทุกระยะ ทั้งนี้
ค่าใช้จ่ายในการติดตามนิเทศโครงการ จะคิดเป็นส่วนหนึ่งของงบบริหารโครงการ
ที่ได้ตั้งงบประมาณไว้แล้ว
ต้องมีการวางแผนการติดตามนิเทศโครงการตั้งแต่ระยะเริ่มต้นโครงการ
ระหว่างการดำเนินงาน และระยะสิ้นสุดการดำเนินงาน
โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมายทุกระยะโดยดำเนินการตามระบบการปรับปรุงผลการดำเนินการ S.W.MODEL
แต่งตั้งคณะทำงาน ติดตามและประเมินผลในการดำเนินงานทุก ๆ ๓ เดือน
เพื่อจะได้รายงานผลให้กับหน่วยงานเจ้าของงบประมาณโดยดำเนินการประเมินโครงการ
ตามรูปแบบ CIPP
Model เป็นแบบจำลองที่เน้นการประเมินเพื่อนำสารสนเทศมาใช้ในการตัดสินใจ
ซึ่งมีนิยามของการประเมินว่าเป็นกระบวนการของการวิเคราะห์เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจในทางเลือกต่างๆที่มีอยู่ความสำคัญของแบบจำลอง
CIPP เป็นกลไกในการให้ข้อมูลย้อนกลับที่จำเป็นมายังโครงการ
ซึ่งจะทำให้มีสารสนเทศที่จำเป็นต่อการตัดสินใจอย่างต่อเนื่อง รูปแบบการประเมิน CIPP
แบ่งการประเมินออกเป็น ๔ ประเภท ดังนี้
๑. การประเมินสภาวะแวดล้อมหรือบริบท (Context Evaluation) เป็นการประเมินที่ช่วยตัดสอนใจเลือกวัตถุประสงค์ของโครงการที่จะดำเนินการ
๒. การประเมินปัจจัยหรือทรัพยากร (Input Evaluation) เป็นการตัดสินใจเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเลือกทีเหมาะสมที่สุดกับทรัพยากรที่มีอยู่และเป็นทางเลือกที่มีโอกาสทำให้บรรลุวัตถุประสงค์มากที่สุด
๓. การประเมินกระบวนการ (Process Evaluation) เป็นการประเมินขณะที่นำโครงการที่วางแผนไว้ไปปฏิบัติพร้อมกับการปรับปรุง
การดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพ
๔. การประเมินผลผลิตหรือผลลัพธ์ (Product Evaluation) เพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับปรุงปรับขยายหรือล้มเลิกโครงการ
รูปแบบการประเมินโครงการCIPP MODELของสตัฟเฟลบีม ( D.L. Stufflebeam, ๑๙๙๗ , P.
๒๖๑-๒๖๕ )
จากแผนภูมิ
สรุปสาระความสัมพันธ์ของการประเมินผลและประเภทของการตัดสินใจดังรายละเอียดต่อไปนี้
๑) การประเมินสภาวะแวดล้อมหรือบริบท (Context Evaluation) เป็นการประเมินโครงการที่เกี่ยวกับนโยบาย ปรัชญา เป้าหมาย
แรงกดดันทางเศรษฐกิจและสังคม ความต้องการของบุคลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนแรงกดดันทางการเมือง
สารสนเทศที่ได้ใช้ประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับการวางแผนในการกำหนดวัตถุประสงค์ของโครงการ/กิจกรรม
ที่เหมาะสมต่อไป
๒) การประเมินปัจจัยหรือทรัพยากร (Input Evaluation) เป็นการตรวจสอบความพร้อมของปัจจัยเบื้องต้นต่างๆ เช่น บุคลากร งบประมาณ
วัสดุ อุปกรณ์ สถานที่ เป็นต้น
เป็นการประเมินเพื่อมุ่งเน้นว่ามีปัจจัยพร้อมมูลที่จะดำเนินการหรือไม่
แผนหรือโครงการที่เสนอเหมาะสมหรือไม่
ควรปรับปรุงตรงไหนสารสนเทศที่ได้ใช้ประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับโครงสร้าง
เพื่อวางแผนการจัดโปรแกรมหรือแผนการดำเนินงานที่เหมาะสมที่สุด
เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
๓) การประเมินกระบวนการ (Process Evaluation) เป็นการประเมินผลขณะดำเนินงาน
หรือประเมิน
ในเชิงความก้าวหน้า หรือประเมินเพื่อปรับปรุงโครงการในวงจรการบริหารโครงการศึกษาปัญหาและอุปสรรค จุดเด่น จุดด้อย เป็นการประเมินเพื่อหาสาเหตุ การประเมินเป็นระยะๆ เพื่อส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายของโครงการนั่นเอง สารสนเทศที่ได้นำมาใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ การควบคุมหรือปรับปรุงแก้ไข วิธีการต่างๆให้เหมาะสมทันท่วงที ขณะที่โครงการกำลังดำเนินอยู่
ในเชิงความก้าวหน้า หรือประเมินเพื่อปรับปรุงโครงการในวงจรการบริหารโครงการศึกษาปัญหาและอุปสรรค จุดเด่น จุดด้อย เป็นการประเมินเพื่อหาสาเหตุ การประเมินเป็นระยะๆ เพื่อส่งผลต่อการบรรลุเป้าหมายของโครงการนั่นเอง สารสนเทศที่ได้นำมาใช้ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้ การควบคุมหรือปรับปรุงแก้ไข วิธีการต่างๆให้เหมาะสมทันท่วงที ขณะที่โครงการกำลังดำเนินอยู่
๔) การประเมินผลผลิตหรือผลลัพธ์ (Product Evaluation) เป็นการประเมินผลหลังจากดำเนินงานสิ้นสุดลง ซึ่งประกอบการประเมินผลลัพธ์ (Output
Evaluation) โดยพิจารณาจากปริมาณและคุณภาพของผลผลิต
เปรียบเทียบกับวัตถุประสงค์ของโครงการ
การนำความรู้ไปใช้ในการปฏิบัติงานอีกส่วนหนึ่ง คือผลกระทบ (Impact) สารสนเทศที่ได้นำมาตัดสินคุณค่าของผลผลิตของโครงการทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ
เพื่อที่จะตัดสินใจว่า ควรจะคงไว้ ปรับปรุงให้ดีขึ้น หรือล้มเลิกโครงการ
การประยุกต์ใช้การประเมินเพื่อการตัดสินใจ
ตามแบบจำลอง CIPP
มาใช้ในการประเมินโครงการ ผู้รับผิดชอบโครงการจะต้องดำเนินการประเมินโครงการอย่างต่อเนื่อง
เป็นระบบ เพื่อนำข้อมูลที่ได้จากการประเมินมาใช้ในการตัดสินใจ ปรับปรุง
และพัฒนาโครงการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
การประเมินผลงานเป็นองค์ประกอบหนึ่งของการบริหารโครงการโดยดำเนินการดังนี้
๑) ประเมินก่อนเริ่มโครงการ
ผู้ปฏิบัติงานควรทำการประเมินสภาวะแวดล้อมและปัจจัยเบื้องต้น
มีจุดมุ่งหมายเพื่อตัดสินใจเลือกวัตถุประสงค์ของโครงการ
ตรวจสอบความเหมาะสมความสมเหตุสมผลของการวางแผนดำเนินโครงการ
ความเป็นไปได้ของโครงการที่จะนำไปปฏิบัติ คุณภาพของโครงการรวมทั้งตรวจสอบโอกาส ที่โครงการนั้นจะประสบความสำเร็จตามเป้าหมายการประเมินเพื่อตัดสินใจ
หรือหาข้อมูลสรุปสำหรับการตัดสินใจเลือกโครงการ บางครั้งเรียกว่า “การวิเคราะห์โครงการ” ในขั้นนี้เน้นพิจารณาใน ๓ เรื่องใหญ่
คือ
๑.๑) ความเหมาะสมของโครงการที่จะดำเนินการประเมิน
เพื่อวิเคราะห์ปัญหาและความจำเป็นของโครงการ ศึกษาความเป็นไปได้ในการดำเนินโครงการ
ความพร้อมทางการบริหารโครงการ ความพร้อมในการสนับสนุนทางด้านทรัพยากร
โดยเฉพาะความเป็นไปได้ทางการเงิน กำลังคน วัสดุ และการจัดการ
๑.๒) การวิเคราะห์ผลตอบแทนจากการดำเนินโครงการ
๑.๒) การวิเคราะห์ผลตอบแทนจากการดำเนินโครงการ
๑.๓) การศึกษาและคาดหวังถึงผลประโยชน์
หรือสิ่งที่อาจตามมาจากการดำเนินโครงการนั้นทั้งในระยะเริ่มโครงการและในขณะดำเนินโครงการ
๒) การประเมินในระหว่างการดำเนินงาน
เป็นการดำเนินงาน เมื่อนำโครงการที่วางแผนไว้ไปปฏิบัติ
โดยผู้รับผิดชอบโครงการควรศึกษาจุดเด่น จุดด้อยกา รดำเนินงาน เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้หรือไม่
มีปัญหาและอุปสรรคอะไรบ้าง อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาอุปสรรคนั้น
มีวิธีการดำเนินการปรับปรุงแก้ไขอย่างไร จะดำเนินการปรับปรุงแก้ไขได้ทันท่วงที
๓) การประเมินหลังการดำเนินงาน
เป็นการประเมินที่ผู้รับผิดชอบโครงการต้องตอบคำถามที่ว่าโครงการประสบความสำเร็จตามแผนที่วางไว้หรือไม่
ผลจากโครงการบรรลุตามวัตถุประสงค์ของโครงการหรือไม่ ผลการดำเนินงานคุ้มค่าหรือไม่
เกิดผลกระทบอะไรกับโครงการบ้าง
เพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการตัดสินใจว่าควรดำเนินโครงการนี้ต่อไป
หรือปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น หรือล้มเลิกโครงการนี้
No comments:
Post a Comment